Pantone เกิดขึ้นมาเพื่อใช้กำหนดสีและกำจัดการเข้าใจผิดกันระหว่างโรงพิมพ์และนักออกแบบเรื่องสีของงานพิมพ์ ส่วนคำว่า Pantone นั้น คือ ชื่อบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสีที่เกี่ยวข้องกับงานพิมพ์ทุกชนิดที่ต้องการความแม่นยำในการกำหนดค่าก่อนพิมพ์
Pantone ที่นิยมใช้กันทั่วไปคือ PANTONE SOLID COLOR หรือ เรียกอีกอยางหนึ่งว่า PANTONE SPOT COLOR หรือสีพิเศษ สีของ Pantone นั้นยังบางคนเข้าใจผิดว่าเกิดจาก การผสมของสี CMYK จึงทำให้เกิดสีพิเศษแต่ที่จริงแล้วนั้นเกิดจากการผสมของสีอื่นที่มีเฉดที่แตกต่างกันออกไปเข้าด้วยกัน ไม่ใช่เพียงแต่ CMYK เท่านั้นเพราะว่าสีของ Pantone นั้นถูกทำขึ้นมาเพื่อทดแทนสีที่ CMYK ไม่สามารถพิมพ์ได้ โดยสี Pantone นั้นจะถูกระบุเป็นรหัส เช่น Pantone 101c เป็นต้น
จุดกำเนิด PANTONE บริษัทสีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 ลอว์เรนซ์ เฮอร์เบิร์ต (Lawrence Herbert) เจ้าของโรงพิมพ์แห่งหนึ่งปวดหัวสุดๆ กับปัญหาสั่งซื้อหมึกแล้วต้องมานั่งลุ้นว่าสีที่ได้จะตรงกับที่เขาต้องการไหม ในสมัยนั้นดีไซเนอร์แต่ละคนจะมีสมุดสี หลายเล่มอยู่กับตัว เพราะโรงงานหมึกแต่ละที่ก็จะมีเซตสีของใครของมัน ซึ่งจะสะท้อนค่าสีที่แตกต่างกันเมื่อถูกกระทบด้วยแสงที่แตกต่างกัน
ด้วยเหตุนี้เองบ่อยครั้งที่เฮอร์เบิร์ตต้องผสมสีที่เขาต้องการเอง ซึ่งเขาคิดว่านั่นมันเป็นวิธีการที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย ความหงุดหงิดประกอบกับความสงสัย ทำให้เฮอร์เบิร์ตคิดขึ้นมาว่าจะทำยังไง คนถึงจะสื่อสารสีที่ต้องการได้รู้เรื่อง เขาเลยคิดอยากทำ “ภาษากลางของสี” ขึ้นมา
แม้จะผสมสีตัวอย่างเองและทำเป็นหนังสือไกด์รหัสสีขึ้นมาเพื่อส่งไปให้โรงพิมพ์ต่างๆ แต่ขั้นตอนของการเริ่มต้นนั้นไม่ง่าย เพราะอยู่ดีๆ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดรับไอเดียใหม่ๆ แบบนี้ และเพื่อให้มันเป็น “มาตรฐาน” จริงๆ เฮอร์เบิร์ตก็เลยทำตัวเหมือนนักการเมืองที่ต้องเดินทางไปล็อบบี้คนในวงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการกราฟิกดีไซเนอร์ และบริษัทหมึก จนในที่สุดเมื่อหลายคนเริ่มใช้มัน เพราะช่วยแก้ปัญหาจริงๆ มันก็กลายเป็น “ภาษากลางของสี” ที่ทั่วโลกยอมรับ โรงพิมพ์ของเฮอร์เบิร์ตมีชื่อว่า Pantone และตั้งแต่ปี 1963 เป็นต้นมา ระบบ Pantone ก็เป็นระบบของการอ้างอิงสีที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก เพราะภายใต้ระบบของ Pantone นั้น ถ้าหากใครในนิวยอร์กอยากพิมพ์อะไรบางอย่างในโตเกียว พวกเขาเพียงแค่เปิดหนังสือ Pantone แล้วบอกเบอร์ไป สีที่ได้ก็จะเป็นสีเดียวกันทั่วโลก ไม่ต้องมาทะเลาะตบตีเพราะอ้างอิงมาตรฐานต่างกันอีกต่อไป ระบบสีของเฮอร์เบิร์ตทำเงินได้อย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เท่านั้นยังไม่พอ Pantone ยังเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลในเรื่องของการกำหนดเทรนด์ของสีอีกด้วย โดยการใช้วิธี data mining เพราะเมื่อสีกลายเป็นเลข (เบอร์ของ Pantone) แล้วนั้น มันเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากในการติดตามความต้องการและคาดการณ์เทรนด์ของตลาด เช่น Pantone ให้สี Greenery Pantone 15-0343 (ซึ่งมีสีอารมณ์ประมาณชาเขียวปั่นของ Starbucks) เป็นสีที่มาแรงแห่งปี 2017 เป็นต้น ซึ่ง Pantone นั้นมีความสำคัญต่อวงการดีไซน์เป็นอย่างมากจากความช่างสงสัยของเฮอร์เบิร์ตทำให้ Pantone กลายเป็นธุรกิจมูลค่าหลายล้านเหรียญฯ ต่อปีที่มีความสำคัญต่อธุรกิจการพิมพ์และดีไซน์เป็นอย่างมาก มากจนไม่น่าเชื่อว่าจุดเริ่มต้นของมันมาจากสิ่งที่ดูเหมือนจะเล็กน้อย สิ่งที่เขาคิดมาจากของที่เขาเห็นวางกองระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ นั่นคือ สมุดสีซึ่งในตอนนั้นมันแทบไม่มีค่าอะไร แต่ด้วยจินตนาการของเฮอร์เบิร์ตบวกกับการทำงานหนัก เขาจึงสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของวงการที่ยังคงใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน Pantone เป็นมาตรฐานที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ต้องการการเลือกสี ไม่ว่าจะเป็น แฟชั่น พลาสติก งานพิมพ์ ศิลปะ ก่อสร้าง สถาปัตยกรรม ฯลฯ ตั้งแต่เริ่มใช้ในปี 1963 Pantone ได้กลายเป็นภาษาสากลที่ถูกใช้กันทั่วโลก
อ้างอิงเนื้อหา จาก
https://www.bundanthai.com/th/news/54
8 เคล็ดลับ ออกแบบแผ่นพับ & โบรโชว์ ให้โดน!
แผ่นพับหรือโบรโชว์มีความสำคัญลำดับต้นๆในการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มความน่าจดจำให้กับสินค้าและยังสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณได้อีกด้วย เราจะออกแบบแผ่นพับหรือไบร์ชัวร์ให้ดีได้ต้องเริ่มมาจากความเข้าใจของธุรกิจนั้นๆและความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ
เนื้อหาข้างใน
1. รู้ถึงความต้องการของตัวเองว่าเราต้องการให้ออกมาเป็นแบบไหน ก่อนเริ่มต้นออกแบบเมื่อคุณเริ่มคิดจะออกแบบโบรชัวร์ว่าจะให้ออกมาอย่างไร ให้เริ่มต้นสอบถามลูกค้าของคุณก่อนว่าทำไมเค้าถึงต้องการโบรโชว์ นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรบ้าง?
2. อย่าใช้แบบตัวอักษรเยอะ (Font) อย่าไปเสียเวลากับการเลือกตัวอักษร (Font) แปลก ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ตัวอย่างเช่น นักออกแบบส่วนมากมักจะใช้ font เดิมๆ เพียงแค่ 10-20 แบบในงานออกแบบของพวกเขา มันจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม font Helvetical ถึงถูกใช้งานอย่างแพร่หลายและFont Rockwell เป็น font ที่ดี สำหรับหัวข้อ (Heading) คุณไม่จำเป็นต้องใช้แบบอักษรที่หลากหลายในงาน แบบอักษรที่จำเป็นต้องใช้มีเพียงสำหรับ หัวข้อ (Heading), หัวข้อรอง (Subheading) และข้อความเนื้อหา (Body) หลายครั้ง เราจะเห็นงานของมือสมัครเล่นที่มักจะหาแบบตัวอักษรที่ไม่มีใครใช้มาก่อน แต่ลูกค้าและคนส่วนมากคุ้นเคยกับแบบอักษรที่ใช้งานทั่วไป ที่อ่านง่าย มีสไตล์ไม่ซับซ้อน ใช้ตัวหนา ตัวบาง และขนาดของฟอนต์อย่างเหมาะสม โบรโชว์ที่ใส่ข้อความเยอะเกินไปจนมีแต่ตัวหนังสือ ทำให้รู้สึกไม่อยากอ่าน
3. เลือกชนิดกระดาษที่เห็นงานออกแบบชัดเจน กระดาษจะสะท้อนถึงคุณภาพของงานพิมพ์ ของคุณเลือกชนิดกระดาษต้องการเป็นกระดาษแบบเคลือบ(ผิวเรียบ) ไม่เคลือบ (ผิวไม่เรียบ) หรือกระดาษที่เราเลือกสรรสำหรับให้เหมาะกับสิ่งพิมพ์
4. เขียนเนื้อหาที่จะบอกในแผ่นโบรโชว์ งานเขียนที่ใช้ในแผ่นพับหรือโบรโชว์ ที่ดี เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก ของการออกแบบที่ดี ลองนึกถึงข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ดูข้อความไหนที่จะเป็นหัวเรื่องดึงความสนใจของคนได้ ทดลองหลายๆข้อความ และเลือกข้อความที่โดนที่สุด แล้วนำมาใส่ในโบว์ชัวร์นี่คือคำแนะนำในการเขียนเนื้อหา ให้โดน
5. นึกถึงคนที่จะอ่านโบรโชว์ของเรา เมื่อคิดที่จะออกแบบแผ่นพับหรือโบรโชว์ นึกถึงสิ่งสุดท้ายที่ต้องการ จากผู้อ่านโบรโชว์ เราต้องการให้เค้าลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ หรือใช้เป็นข้อมูลในการเลือกสินค้าและติดต่อกลับ หรือแค่เพียงได้รับแล้วก็ทิ้งลงถังขยะ ให้คิดเสมอว่าเมื่อผู้รับเปิดอ่าน เราต้องการจะคุยอะไรกับเค้าก่อน ออกแบบการสื่อสารสำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่ออกแบบเพื่อตัวคุณเอง
6. หาคำพูดและข้อความที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ ไม่ซับซ้อน คุณต้องการออกแบบแผ่นพับให้โดนใจผู้รับใช่ไหม? หลายครั้งแนวคิดง่ายๆ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในบางครั้งคุณต้องการใช้รูปภาพหลากหลายเพื่อสื่อความหมายในหลายๆประเด็น อย่างนี้อาจสร้างความ สับสนให้ผู้อ่านได้ ลองคิดประโยค ง่ายๆ สั้นๆ
แทนรูปภาพ และเสริมคำอธิบายสั้น ๆ อาจสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่า
7. สร้างความประทับใจครั้งแรกให้ได้ การออกแบบโบรโชว์ ที่ดีข้อมูลจำเป็นต้องสอดคล้องกับธุรกิจที่ต้องการ อย่างเช่นองค์กรการกุศลไม่ต้องการ งานที่ออกมาดูแล้วหรูหรา ซึ่งจะทำให้ผู้คนคิดว่าใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย หรือบางบริษัทต้องการโบรชัวร์ที่ โดดเด่นเหนือคู่แข่งบูทข้างๆ ที่ร่วมออกงานแสดงสินค้า เรามีหน้าที่ออกแบบเพื่อสร้างความประทับใจพียงครั้งแรกที่เห็น จะทำให้การใช้ประโยชน์ของโบรโชว์มีคุณค่ามากขึ้น
8. รูปภาพที่แตกต่าง สวยคมชัด ได้เปรียบเป็นไหนๆ การทำให้โบรโชว์ สวยโดนใจ คุณจำเป็นต้องมีรูปภาพประกอบที่ชัด มีความหมาย อย่าใช้รูปภาพ ที่เหมือน Photo Stock ถูกๆ ที่คนส่วนมากใช้กัน ลงทุนนิดหน่อยกับภาพประกอบที่แตกต่างและมีคุณภาพเพื่อให้งานออกแบบโบรโชว์ของคุณของมาอย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิงเนื้อหา จาก
https://www.bundanthai.com/th/news/61
ระบบสี CMYK เป็นระบบสีที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ CMYK ย่อมาจาก cyan (ฟ้าอมเขียว) magenta (แดงอมม่วง) yellow (เหลือง) key (สีดำ - ไม่ใช้ B แทน black เพราะจะสับสนกับ blue) ซึ่งเป็นชื่อสีที่เมื่อนำมาผสมด้วยวิธีการพิมพ์ซ้อนทับกัน ก็จะสามารถทำให้เกิดสีสันต่าง ๆ ได้เป็นร้อย ๆ เฉดสีเลยทีเดียวโดยระบบสี CMYK จะเป็นระบบที่นำมาใช้ในงานพิมพ์สีต่างๆ คนที่อยู่ในวงการออกแบบก็จะรู้ว่า การเลือก
ใช้สีจะมีด้วยกัน 2 แบบคือ CMYK และ RGB ที่แบ่งแยกตามประเภทการใช้งานได้ง่าย ๆ โดย ถ้าเป็นงานออก
แบบสีที่ต้องนำไปพิมพ์ออกมา ไม่ว่าจะพิมพ์ในรูปแบบใดก็ตาม จะต้องตั้งค่าการทำงานในโปรแกรมด้วยการใช้
ค่าสีระบบ CMYK แต่ถ้าต้องการสีที่แสดงผลออกทางหน้าจอก็จะเลือกใช้ระบบ RGB เท่านั้น
ซึ่งปัจจุบัน ยังมีผู้ไม่เข้าใจในส่วนนี้ เช่น ถ้าต้องการจะทำงานประเภทสิ่งพิมพ์ ก็มักจะตั้งค่าสีเป็น RGB เพราะว่าค่าสีดังกล่าวมีสีสันที่สดกว่า ดูสวยงามเมื่อทำงานออกแบบที่หน้าจอ แต่เมื่อสั่งพิมพ์ออกมาแล้วกลับได้ผลลัพธ์เป็นค่าสีที่ออกมาผิดเพี้ยน มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสีที่เลือก เช่น เลือกสีแดง อาจจะได้สีแดงชมพูหรือแดงม่วงๆ หรือถ้าทำภาพโทนสีม่วงอาจจะได้โทนสีน้ำเงินมาแทน
ดังนั้นผู้ออกแบบหรือดีไซน์เนอร์ที่ใช้ โหมดสีควรจะทำความเข้าใจจุดประสงค์ของงานที่จะออกแบบให้เคลียว่าจะนำไปใช้งานในส่วน งานพิมพ์หรืองานดิจิตอล เพื่อนำมาตั้งค่าระบบสีของงานออกแบบให้ถูกต้องตั้งแต่ต้นว่าจะใช้ CMYK หรือ RGB เพื่อให้งานที่ออกมาจะได้ค่าสีที่ตรงกับความต้องการของผู้ออกแบบมากที่สุด
อ้างอิงเนื้อหา จาก
https://www.bundanthai.com/th/news/53
04.